จากบทความก่อนเรื่อง Keyword สิ่งแรกสุดของการทำ SEO เมื่อเรามีคีย์เวิร์ดในใจแล้ว ถึงตอนนี้เราก็สามารถที่จะเริ่มปรับแต่งเว็บไซต์ของเราเพื่อผลทาง SEO ได้แล้วค่ะ
1. ชื่อโดเมนดี แค่เริ่มต้นก็มีชัย
ชื่อโดเมน (ชื่อเว็บไซต์) เป็นส่วนหนึ่งของการทำ SEO การที่ชื่อโดเมนมี “คีย์เวิร์ด” ที่บ่งบอกถึงเนื้อหาของเว็บไซต์อยู่ด้วย จะช่วยส่งเสริมให้เว็บสามารถติดอันดับดีๆ ในผลการค้นหาของเว็บ Search Engine ในคีย์เวิร์ดนั้นๆ ได้ง่าย ถ้าเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับโรงแรม ให้ใส่คีย์เวิร์ด “hotel” ลงไปด้วย เช่น patayahotel.com, thailandhotel.com, เว็บไซต์เกี่ยวกับร้านขายหนังสือ ก็ให้ใส่คีย์เวิร์ด “book” ลงไปด้วย เช่น chulabook.com เป็นต้น แต่ไม่ควรจะให้มันยาวเกินไป ควรให้จำได้ง่าย เพื่อผลระยะยาว
ปัจจุบันชื่อโดเมนดีๆ มักจะถูกจับจองไปหมดแล้ว หรือบางครั้งเราต้องการสร้างแบรนด์จึงนำชื่อบริษัทมาเป็นชื่อโดเมน หรือเราอาจจะอยากใช้ชื่อเว็บไซต์แบบตามใจฉัน ก็สามารถทำได้ แล้วค่อยไปหาทางปรับปรุงเพิ่มเติมการทำ SEO ในส่วนอื่นๆ ของการทำเว็บไซต์ เช่น Title, Meta tag, เนื้อหา ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้ชื่อโดเมน ไม่งั้น enjoyday คงไม่ติดอันดับคีย์เวิร์ด “สร้างเว็บไซต์” หรือ “สอนทำเว็บ” ได้ แต่สำหรับเว็บที่เกี่ยวกับธุรกิจแล้วก็ยังแนะนำว่าควรมี คีย์เวิร์ด อยู่ในโดเมนเนม ค่ะ
อีกวิธีคือการใช้งานซับโดเมน (sub domain) เว็บไซต์ดังๆ อย่าง sanook, mthai, kapook ก็ไม่ได้มีคีย์เวิร์ดอยู่ในชื่อโดเมน แต่ถ้าลอง Search คำว่า “เกมส์” จะเห็นว่าติดอันดับหน้าแรกกันเป็นแถวเลย ด้วยการใช้ sub domain ที่เป็นคีย์เวิร์ดนี่แหละ เช่น game.sanook.com, game.mthai.com
2. เลือกใช้ Host ให้ดีอย่าให้มีปัญหา
- ไม่ควรให้มีปัญหาเว็บช้า หรือ Server ล่มบ่อย เพื่อไม่ให้เวลาที่ Bot หรือ Spider ของ Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูล แล้วเก็บอะไรไปไม่ได้ เผลอๆ จะถูก de-index ข้อมูลที่เก็บไปแล้ว เพราะคิดว่าหน้าเว็บถูกลบไม่มีอยู่จริงแล้ว
- เลือกใช้บริการใน Package ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเว็บไซต์ หากมีการจำกัดการใช้ Bandwidth (Data Transfer) ให้ระวังปัญหาการใช้ Bandwidth เกินตอนสิ้นเดือนจนผู้ให้บริการ Web hosting ปิดเว็บไซต์ของคุณไป
- ปัญหาการบล็อค Bot หรือ Spider ของ Search Engine ไม่ให้เข้ามา
- ปัญหาอื่นๆ
3. เลือกใช้ Web CMS (Web Content Management Sytem) ที่เหมาะกับการทำ SEO
ควรเลือก Web CMS หรือตัวจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ที่สนับสนุนหรือเหมาะกับการทำ SEO เช่น WordPress , Joomla, Drupal หรือถ้าเขียนเว็บเพจเองก็ต้องศึกษาการเขียน HTML ที่ถูกต้อง แนะนำ XHTML และใช้ CSS ควบคุมการตกแต่งเอกสาร หรือจัดรูปแบบการแสดงผล
4. การออกแบบเว็บไซต์กับการทำ SEO
หากนักออกแบบมีความเข้าใจในเรื่อง SEO คงจะไม่มีปัญหา แต่หากไม่ล่ะก็ อาจจะออกแบบทำให้เว็บไซต์สวยงาม ทำเมนูด้วย Flash ใส่ลูกเล่นที่หวือหวา ทำให้หน้าเว็บเพจเต็มไปด้วย code ส่วนการตกแต่ง ซึ่งนั่นไม่เหมาะกับการทำงานของ Search Engine เลย
ควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาเนื้อหาเว็บไซต์อย่างละเอียด จัดหมวดหมู่เนื้อหา ออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามน่าใช้ โดยส่วนตกแต่งใช้ CSS มีเนื้อหาที่เป็นตัวหนังสือ เพื่อให้ Bot หรือ Spider ของ Search Engine เก็บข้อมูลได้ง่าย
แค่เลือกชื่อไม่ซ้ำก็ย๊าก ยากแล้วครับ 555
เว็บพี่มีเนื้อหาดีมากเลยครับ